* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20:44, 22 เมษายน 2008 (UTC)
? ลงเล่น (ประตู)
แปเตอร์ แช็ค (เช็ก: Petr ?ech) เป็นนักฟุตบอลชาวสาธารณรัฐเช็ก ปัจจุบันเล่นให้กับอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่เป็นผู้รักษาประตูให้กับเชลซี มาเป็นระยะเวลานานถึง 11 ปี
ปีเตอร์ แช็ค เป็นผู้รักษาประตูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ เมื่อลงเล่นจะสวมหมวกป้องกันศีรษะกระแทก ซึ่งเป็นผลมาจากการลงเล่นให้กับเชลซีพบกับเรดิง เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2006 ที่ถูกเข่าของสตีเวน ฮันต์ ผู้เล่นในตำแหน่งปีกซ้ายของเรดิง กระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างรุนแรงจนถูกหามออกจากสนามทันที
แปเตอร์ แช็ค เป็นลูกชายของนักกีฬาทศกรีฑาระดับทีมชาติ สมัยเด็ก ๆ แช็คต้องเปลี่ยนใจหันมาเล่นฟุตบอลเพราะอุปกรณ์ฮอกกี้ซึ่งเป็นกีฬาที่แช็คชอบนั้นมีราคาแพงเกินไป ด้วยความสูงของเขาจึงถูกเพื่อน ๆ ให้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งแช็คก็สามารถทำได้ดี ปัจจุบันแปเตอร์ เช็กสูง 7 ฟุต
แปเตอร์ แช็ค ได้เปิดเผยในภายหลังว่าตำแหน่งแรกเมื่อได้เล่นฟุตบอลครั้งแรกเมื่ออายุ 10 ขวบ คือ ปีกซ้าย แต่เปลี่ยนมาเป็นผู้รักษาประตู เนื่องจากผู้รักษาประตูขาดแคลน แต่ก่อนหน้านั้นก็เคยเป็นผู้รักษาประตูมาก่อนแต่เป็นกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง
แช็คเริ่มต้นชีวิตการเล่นฟุตบอลกับสโมสรท้องถิ่น วิกโตเรียเปิลแซ็ญ ก่อนจะได้รับโอกาสเทิร์นโปรกับชเมล บลาซานี่ สโมสรระดับดิวิชัน 1 ของสาธารณรัฐเช็ก และลงเล่นทั้งหมด 27 เกมจาก 2 ฤดูกาล พออายุ 19 ปี เช็ก ถูกขายให้สปาร์ตาปราก ด้วยค่าตัว 400,000 ปอนด์
ลงเล่นกับสปาร์ตาปราก 27 เกม แช็คได้สร้างสถิติไม่เสียประตูยาวนานที่สุดของประเทศ ด้วยเวลา 904 นาที ทำให้อีก 1 ปีให้หลัง แรน สโมสรระดับกลางของแดนน้ำหอมยอมควักเงิน 3 ล้านปอนด์แลกตัวเขาเข้ามาสู่ทีม
จากนั้นแช็คเริ่มฉายแววยอดนายทวารออกมาจนเป็นที่จับตาของวงการลูกหนังยุโรป เริ่มจากการพาทีมชาติชุดยู-21 คว้าแชมป์ยุโรปอายุต่ำกว่า 21 ปี ในเดือนพฤษภาคม ปี 2002 โดยรับบทฮีโร่เซฟจุดโทษในรอบชิงชนะเลิศ และเขาได้มีโอกาสสัมผัสเกมทีมชาติชุดใหญ่กับฮังการี ในเดือนกุมภาพันธ์
ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทำให้แปเตอร์ แช็ค ต้องเก็บข้าวของอีกครั้งเพื่อย้ายสู่สโมสรใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมอย่างเชลซี
แช็คได้เซ็นสัญญากับสโมสรเชลซี 5 ปี ด้วยค่าตัว 7.1 ล้านปอนด์ และสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์คาร์ลิงคัพในฤดูกาล 2004 - 2005
แช็คเริ่มต้นฤดูกาล 2009-2010 ด้วยการคว้าชัยกับเชลซีในการชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเกมคอมมิวนิตีชีลด์ รอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ ด้วยการเซฟการยิงจุดโทษของไรอัน กิกส์ และปาทริส เอวรา จากที่เสมอกันในเวลาปกติ 2-2 และในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้าย แช็คพาเชลซี ถล่มวีแกน แอทเลติก ไป 8-0 ทำให้เชลซีคว้าแชมป์เหนือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมาได้สำเร็จ ด้วยผลต่าง 1 แต้ม ซ้ำยังเซฟจุดโทษในเกมพบกับพอร์ทสมัท ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้อย่างสวยงาม ทำให้เชลซีคว้าดับเบิลแชมป์เป็นปีแรกได้สำเร็จ ทำให้รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมจึงตกเป็นของเขา
วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2011 ลงเล่นให้กับเชลซี เป็นเกมที่ 300 ในเกมเยือนพบกับ แบล็กพูล ที่สนาม บลูมฟิลด์ โร้ด แล้วสามารถเก็บชัยชนะออกมาได้
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2012 แช็คช่วยให้เชลซี คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 7 ได้สำเร็จโดยเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2 - 1
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2012 แช็คมีส่วนสำคัญในการพาเชลซีคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้เป็นสมัยแรก โดยเซฟลูกจุดโทษสำคัญของ อาร์เยิน โรบเบิน ในนาทีที่ 96 ทำให้เชลซีรอดพ้นจากการถูกขึ้นนำ ทำให้เสมอกันในเวลา 1-1 ต้องชี้ขาดในการดวลจุดโทษ เชลซีสามารถเอาชนะได้ด้วยสกอร์ 4-3 ซึ่งเป็นแชมป์ที่สองของเชลซีในฤดูกาล 2011-2012
ในฤดูกาล 2014–15 แช็คต้องตกเป็นตัวสำรองของตีโบ กูร์ตัว มาตลอดทั้งฤดูกาล ดังนั้นเมื่อจบฤดูกาล ถึงแม้ว่าเชลซีจะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ก็ตาม แต่แช็คซึ่งต้องการลงสนามเป็นตัวจริง ได้ตัดสินใจย้ายไปอาร์เซนอล แม้จะมีวัยถึง 33 ปีแล้วก็ตาม ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ และสัญญา 4 ปี ทั้งที่มีหลายสโมสรต้องการตัว แต่ทว่าแช็คต้องการที่จะอยู่ในกรุงลอนดอนต่อไป เพราะครอบครัวได้ปักหลักลง ณ ที่นี่แล้ว
ซึ่งในเรื่องนี้ ทำให้ผู้สนับสนุนเชลซีจำนวนหนึ่งไม่พอใจ และได้เผาเสื้อที่มีชื่อของแช็คในเชลซี เนื่องจากอาร์เซนอลเป็นสโมสรคู่แข่งร่วมเมืองที่สำคัญ
กับอาร์เซนอล แช็คได้สวมเสื้อหมายเลข 33 ซึ่งตรงกับอายุของเจ้าตัว อีกทั้งยังเป็นการฉลองครบการเล่นในพรีเมียร์ลีกมาทั้งหมด 333 นัดอีกด้วย
โดยก่อนเปิดฤดูกาล ในการแข่งขันรายการพิเศษทุกรายการของอาร์เซนอล แปเตอร์ แช็คได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัด โดยเสียไปเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น จากลูกยิงของรอสส์ บาร์กลีย์ ของเอฟเวอร์ตัน ในรายการพรีเมียร์ลีกเอเชียโทรฟี ฤดูกาล 2015 และทำให้อาร์เซนอลได้แชมป์ทุกรายการ รวมเป็นทั้งหมด 3 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2015 ที่แช็คต้องพบกับเชลซีต้นสังกัดเก่าด้วย แต่ทว่าแช็คก็ถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีส่วนอย่างมากที่ทำให้อาร์เซนอลเอาชนะไปได้
แต่ในการแข่งขันจริงในพรีเมียร์ลีกนัดแรก ที่อาร์เซนอลพบกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ที่อาร์เซนอลสามารถเอาชนะมาได้ตลอดในระยะหลังนั้น ปรากฏว่าอาร์เซนอลเป็นฝ่ายแพ้ไปถึง 0-2 ประตู โดยเฉพาะลูกแรกนั้นแช็คมีส่วนผิดพลาดจนทำให้สโมสรต้องเสียประตู เมื่อเป็นฝ่ายออกไปตัดลูกฟรีคิกของเวสต์แฮมยูไนเต็ดช้ากว่าชิคู คูยาเต ผู้เล่นของเวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่สอดเข้ามาโหม่งเป็นประตูไปในช่วงท้ายของครึ่งแรก
ในการแข่งขันนัดที่ 3 ของฤดูกาล อาร์เซนอล พบกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ซึ่งผลการแข่งขันเสมอกัน 0-0 ประตู แปเตอร์ แช็คกลับเล่นได้อย่างโดดเด่น สามารถป้องกันลูกยิงของผู้เล่นลิเวอร์พูลได้หลายต่อหลายครั้ง
จนถึงวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2015 ที่การซื้อขายผู้เล่นในทวีปยุโรปจบลง อาร์เซนอลถือเป็นสโมสรเดียวในอังกฤษและทวีปยุโรปที่มีการซื้อตัวผู้เล่นมาเพียงคนเดียว และเป็นตำแหน่งที่มิใช่ผู้เล่นตัวรุกด้วย คือ แปเตอร์ แช็ค
ในการแข่งขันนัดที่ 8 ของฤดูกาล อาร์เซนอล พบกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม แช็คเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถป้องกันลูกยิงอันตรายหลายครั้งของผู้เล่นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ ทำให้อาร์เซนอลชนะไป 3-0 ประตู และแซงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขึ้นไปเป็นทีมรองในอันดับตารางคะแนน โดยมีแต้มห่างจากทีมนำ คือ แมนเชสเตอร์ซิตี แค่ 2 แต้มเท่านั้น
ในการแข่งขันนัดที่ 19 ของฤดูกาล อาร์เซนอล พบกับ บอร์นมัท ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม อาร์เซนอลชนะไป 2-0 ประตู ทำให้ขึ้นนำเป็นที่หนึ่งในตารางคะแนน ซึ่งเป็นช่วงครึ่งฤดูกาลพอดี และทำให้แช็คได้ทำสถิติใหม่ คือ เป็นผู้รักษาประตูที่ไม่เสียประตูเลยรวมทั้งสิ้น 170 นัด มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก จากการลงเล่น 352 นัด แซงหน้าเดวิด เจมส์ ที่ทำไว้ 169 ประตู จากการลงเล่น 572 นัด
ก่อนเริ่มฤดูกาล ในระดับทีมชาติ แช็คประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก หลังจากฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส ซึ่งสาธารณรัฐเช็กตกรอบแรก หลังจากติดทีมชาติมาตั้งแต่ปี 2002 รวมเป็นการลงเล่นทั้งหมด 124 นัด
ในนัดที่ 4 ของฤดูกาล ที่อาร์เซนอลพบกับเซาแทมป์ตัน ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม แช็คทำลูกเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 18 จากลูกฟรีคิกของดูซาน ทาดิช แช็คปัดลูกไปชนคานบนแล้ว แต่ทว่าลูกกลับปะทะกับหลังของแช็คเข้าประตูไป ทำให้เซาแทมป์ตันออกนำไปก่อน 0-1
2 เดอบูว์ชี ? 3 กิบส์ ? 4 แมร์เทสอัคเคอร์ (กัปตัน) ? 5 กาบรีเอล ? 6 โกเซียลนี ? 7 อาเลกซิส ? 8 แรมซีย์ ? 9 ลากาแซ็ต ? 11 เออซิล ? 12 ฌีรู ? 13 โอสปีนา ? 14 วอลคอตต์ ? 15 เชมเบอร์ลิน ? 16 โฮลดิง ? 17 อิโวบี ? 18 มอนเรอัล ? 19 กาซอร์ลา ? 20 มุสทาฟี ? 22 อเดลีแอ ? 23 เวลเบก ? 24 เบเยริน ? 25 เจนคินสัน ? 26 มาร์ตีเนซ ? 28 เปเรซ ? 29 จากา ? 31 โคลาซิแนก ? 32 อักปอม ? 33 แช็ค ? 34 กอเกอแล็ง ? 35 เอลเนนี ? 37 บีแยลิก ?